/tpa-path

Primary LanguageTypeScriptMozilla Public License 2.0MPL-2.0

ยินดีต้อนรับสู่ Thai Programmer Career Paths

แนวทางแนะนำสำหรับเส้นทางการเติบโตสำหรับโปรแกรมเมอร์ (Programmer Career Paths) ในประเทศไทยนะครับ

เข้าเยี่ยมชม Thai Programmer Career Paths Website

https://roadmap.thaiprogrammer.org/

VitePress คืออะไร?

VitePress เป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์แบบ Static Site Generator (SSG) ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างเว็บไซต์ที่รวดเร็วและเน้นเนื้อหา โดย VitePress จะนำเนื้อหาที่เขียนในรูปแบบ Markdown มาปรับใช้กับธีมแล้วสร้างหน้า HTML แบบ static ที่สามารถเผยแพร่ได้ง่าย

ได้บันดาลใจในการใช้ VitePress มาจากไหน

ประทับใจ VitePress หลังจากที่ได้ชม Video สร้างเว็บแหล่งความรู้สวยๆ ด้วย VitePress โดยคุณ Thai Pangsakulyanont ขอบคุณเนื้อหาดีๆมากๆนะครับ รวมถึงขอบคุณทาง Creatorsgarten ที่จัดงาน Event: BKK.JS #19 แบ่งปันความรู้ดีๆขึ้นครับผม

เริ่มต้น VitePress ยังไง

แหล่งอ้างอิง

สิ่งที่ต้องมีก่อนติดตั้ง VitePress

ติดตั้ง VitePress กันเถอะ

npm add -D vitepress

ติดตั้ง Dependencies สักหน่อย

npm install

พร้อมรัน VitePress ล้าวววว

npm run docs:dev

VS Code Tasks

ใน Visual Studio Code (VS Code) คำสั่ง Run Tasks คือฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราสามารถรันงานหรือสคริปต์ที่กำหนดไว้ในไฟล์ tasks.json ซึ่งอยู่ในโฟลเดอร์ .vscode เพื่อทำการคอมไพล์โค้ด, รันทดสอบ, ทำการ linting หรือการทำงานอื่นๆ ที่จำเป็น

tasks.json ใน Project นี้

{
  // See https://go.microsoft.com/fwlink/?LinkId=733558
  // for the documentation about the tasks.json format
  "version": "2.0.0",
  "tasks": [
    {
      "label": "Install VitePress", // ติดตั้ง VitePress กันเถอะ 
      "type": "shell",
      "command": "npm add -D vitepress"
    },
    {
      "label": "Run VitePress", // รัน VitePress กันเถอะ
      "type": "shell",
      "command": "npm run docs:dev"
    }
  ]
}

วิธีรัน VS Code Tasks

  1. เปิด Command Palette โดยการกด Ctrl+Shift+P บน Windows หรือ Cmd+Shift+P บน macOS
  2. พิมพ์ Tasks: Run Task และเลือก
  3. เลือกงานที่ต้องการรันจากรายการที่ปรากฏดังนี้ 3.1. เลือก Install VitePress เพื่อติดตั้ง VitePress 3.2. เลือก Run VitePress เพื่อรัน VitePress

วิธีการเพิ่มเนื้อหา

ศึกษาการเขียน Markdown

เพิ่ม Path ใหม่

  • ขั้นตอนแรกให้เราทำการเปิด File index.md
  • ทำการเพิ่มเนื้อหาของ Path ใหม่ที่ต้องการ
    • ตัวอย่างเช่น Path สำหรับตำแหน่งสายงาน IT
     - title: ตำแหน่งสายงาน IT
     details:  แนะนำสายงาน IT ทั้งตำแหน่งและหน้าที่โดยแบ่งเป็น 7 สาย Management, Developer, QA/Tester, Designer, Analyst, Data, Infrastructure และ Support 
     link: /paths/career
  • ผลลัพธ์ที่ได้
  • เสร็จแล้วให้ทำการเพิ่ม Folder ใน ./paths/
    • ตัวอย่างของผมจะเพิ่มเป็น career เพื่อให้ตรงกับรายละเอียดที่ระบุใน index.md ก่อนหน้านะครับ (link: /paths/career)
  • ให้ทำการเพิ่ม index.md มาเป็นหน้าต้อนรับผู้อ่านที่สนใจ Path ของเรานะครับ พร้อมกับระบุรายละเอียดในรูปแบบ Markdown
    • ตัวอย่าง
      ---
      outline: deep
      title: 'ตำแหน่งสายงาน IT'
      description: แนะนำสายงาน IT ทั้งตำแหน่งและหน้าที่โดยแบ่งเป็น 7 สาย Management, Developer, QA/Tester, Designer, Analyst, Data, Infrastructure และ Support
      ---
      # ตำแหน่งสายงาน IT
      ในแต่ละสายงานนั่นมีอาชีพที่หลากหลายและต่างก็มีความต้องการในตลาดเป็นอย่างสูง 
  • ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นดังนี้ครับ
  • หน้าตาโครงสร้างจะประมาณนี้นะครับ

เพิ่มหมวดหมู่ของเนื้อหา

  • ขั้นตอนแรกให้เราเปิดไฟล์ .vitepress/config.mts และทำการเพิ่มรายละเอียดของเมนูที่ต้องการ
    • ทีมอยากขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากขึ้นจากโค้ดชุดนี้นะครับ
      • โดยเป็นการเพิ่มเมนู ตำแหน่งสายงาน IT
      • และมีเมนูย่อย
        • Management: มีเมนูย่อย CTO, CIO
        • Developer: มีเมนูย่อย Front-end Developer, Back-end Developer
      • ให้ทำการเพิ่ม Function ใหม่ล่างสุดของไฟล์
        function sidebarCareer(): DefaultTheme.SidebarItem[] {
          return [
            {
              text: "ตำแหน่งสายงาน IT",
              items: [
                {
                  text: "Management",
                  collapsed: true,
                  base: "/paths/career/management/",
                  items: [
                    { text: "CTO", link: "cto" },
                    { text: "CIO", link: "cio" },
                  ],
                },
                {
                  text: "Developer",
                  collapsed: true,
                  base: "/paths/career/developer/",
                  items: [
                    { text: "Front-end Developer", link: "frontend" },
                    { text: "Back-end Developer", link: "backend" },
                  ],
                }
            },
          ];
        }
      • เสร็จแล้วให้ทำการ Register Function ใน defineConfig() ที่ Property sidebar
        export default defineConfig({
          sidebar: {
            "/paths/career": {
              base: "/paths/career/",
              items: sidebarCareer()
            }
          }});
      • หน้าตาโครงสร้างผลลัพธ์ที่ได้ตอนนี้
      • หน้าตาเว็บไซต์ผลลัพธ์ที่ได้ตอนนี้

ขอบคุณผู้ร่วมพัฒนาทุกคน ❤